ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนในยุคปัจจุบันส่งผลให้เราไม่ค่อยมีเวลาพิถีพิถันเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนเท่าที่ควร ดังนั้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงเป็นอีกตัวช่วยในการดูแลสุขภาพ รวมถึงเรื่องความสวยความงามด้วย ซึ่งประโยชน์ของวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีข้อดี คือ เป็นการบำรุงจากภายในสู่ภายนอก แถมยังสะดวกสบายในการทาน เพราะตอนนี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการของแต่ละคน
.
จากข้อมูลภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโลก ประเมินว่าช่วงปี 2564- 2569 ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของโลกจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นไปอีก เฉลี่ยปีละ 5.3% หรือคิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้น 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนของประเทศไทยเองตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในช่วง 6 ปีข้างหน้านี้จะโตขึ้นเฉลี่ย 5.1% เลยทีเดียว ซึ่งก็เข้ากับเทรนด์ Health and Beauty ของคนยุคนี้ที่ไม่ว่าจะ Gen ไหนก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความงาม จึงทำให้เทรนด์นี้มาแรงแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพและความงามจากภายในสู่ภายนอกด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการพัฒนาให้คนทุก Generation เข้าถึงได้
.
โดยในอดีตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เราอาจจะคุ้นเคยกันดีจะอยู่ในรูปแบบเม็ด แบบแคปซูล หรือแบบผงชงดื่ม แต่ตอนนี้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีเทคโนโลยีมากมายที่ดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้มีรูปแบบที่หลากหลาย ง่ายสำหรับทุกคนในการเลือกรับประทาน อีกทั้งยังมีนวัตกรรมการผลิตและสกัดส่วนผสมใหม่ๆ เพื่อมาเป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพและความงาม
.
การออกแบบการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้มีความหลากหลาย สร้างความน่าสนใจและน่าตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภค โดยอาศัยนวัตกรรมที่ให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนั้นสามารถทำงานได้ดี เน้นการช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารจากผลิตภัณฑ์ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือวิตามินมีรูปแบบให้เลือกเยอะขึ้น ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบเจลหรือไมโครเจล แบบซองกรอกปากได้เลย แบบเม็ดฟู่ หรือแบบขนม ฯลฯ
โดยแต่ละแบบก็มีข้อดีต่างกันไป เช่น
.
ในเรื่องความนิยมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือวิตามินในช่วงปีนี้ผ่านมาและยังคงต่อเนื่อง เห็นจะเป็นวิตามินที่เป็นสารอาหารที่จำเป็น อย่าง วิตามินซี ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม วิตามินดี และกรดไขมันโอเมก้า 3 ฯลฯ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เสริมการทำงานของระบบในร่างกาย และที่ยังฮิตอย่างต่อเนื่องคือ โปรไบโอติกที่โฟกัสไปที่สุขภาพลำไส้ มีประโยชน์ต่อลำไส้และระบบภูมิคุ้มกันรวมไปถึงเรื่องความงามด้วย เราจะเห็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรไบโอติก เช่น แลคโตบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรียมสายพันธุ์ต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้สารสกัดหรือส่วนผสมของสมุนไพรก็ยังคงอยู่ในระดับท็อปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากเป็นธรรมชาติและมีความปลอดภัย และมีการคาดการณ์ว่าในปี 2570 สมุนไพรไทยจะมีมูลค่าการตลาดถึง 1 แสนล้านบาท ซึ่งมีกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ทั้งด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา รวมไปถึงเครื่องสำอาง ซึ่งประเทศไทยมีข้อได้เปรียบเนื่องจากมีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบพืชพรรณสมุนไพร มีภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพและความงามอยู่แล้วด้วย